นั่งรถไฟไปเที่ยวอีสานใต้ สุรินทร์ - ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคอีสาน สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) บริษัทเมืองไทยครีเอทีฟแอนด์ทัวร์จำกัด และสำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม (สทส.) จัดกิจกรรม นั่งรถไฟไปเที่ยวอีสานใต้ สุรินทร์ - ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี "กราบหลวงปู่เฮง เทพเจ้าแห่งโชคลาภแห่งอีสานใต้ , Shopping ด่านช่องจอม , กราบสรีระ "หลวงปู่สรวง" หรือ "เทวดาเดินดิน" , Check in ผาพญากูปรี Unseen New Chapters , เพลิดเพลินสวนทุเรียนภูเขาไฟ ขุนหาญ กันทรลักษ์ และน้ำยืน , ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ที่ ผามออีแดง"

เช้าตรู่นักท่องเที่ยวพร้อมกัน ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระต่างๆ ออกเดินทางสู่ จังหวัดสุรินทร์ โดย ขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวน 21 ตู้นั่งปรับอากาศชั้น 2 บริการอาหารเช้า และเครื่องดื่ม ระหว่างการเดินทางบนรถชมทัศนียภาพสองข้างทางรถไฟ

ถึง สถานีสุรินทร์ ทุกท่านลงจากขบวนรถ เจ้าหน้าที่รอรับคณะ ณ ชานชาลา นำท่านออกเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศ ไปรับประทานอาหารกลางวันร้านอาหาร "sit-in"

หลังอาหารแนวทางไปยัง "วัดพัฒนาธรรมาราม" หรือ วัดบ้านด่านช่องจอม กราบขอพร "หลวงปู่เฮง" เทพเจ้าแห่งโชคลาภของแดนดินถิ่นอีสานใต้ พระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

ออกเดินทางไป ด่านช่องจอม นำท่านสัมผัสวิถีวิตของคนจากสองดินแดน และยังเป็นรวมของป่าหายากของจังหวัดสุรินทร์ และยังมี ร้านขายของมือสอง, ร้านขายวัตถุดิบทำอาหาร, ร้านขายสินค้าแฮนด์เมด ด้วยความที่อยู่ใกล้กับประเทศกัมพูชา ทำให้สุรินทร์กลายเป็นสะพานเชื่อมต่อทางการค้าของคนระหว่างสองประเทศคือ กัมพูชา และไทย โดยฝั่งตรงข้ามด้านกัมพูชาเป็นชุมชนโอร์เสม็ด อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือของประเทศกัมพูชาความพิเศษของผ่านการค้าระหว่างสองดินแดนแห่งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ของแฮนด์เมดต่างๆอย่างพวกกระเป๋าหรือเครื่องประดับที่ใครหลายคนมักจะชอบซื้อเป็นของฝาก แต่สิ่งที่เป็น จุดขายสำคัญของด่านช่องจอมคงต้องยกให้กับสารพัดวัตถุดิบอาหารบำสำหรับหลากหลายเมนูที่ส่วนใหญ่แล้วหาทานไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอนที่กรุงเทพฯ

เดินทางกลับเข้าตัวเมืองเข้าที่พัก "โรงแรมทองธารินทร์" พักผ่อนตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมทองธารินทร์ โดยมี น.ส.เพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ ให้การต้อนรับคณะฯ

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พัก จากนั้นเดินทางสู่จังหวัดศรีสะเกษ "วัดไพรพัฒนา" เป็นสถานที่พำนักของ "หลวงปู่สรวง" นักบุญแห่งดินแดนอีสานใต้ ที่เป็นพระผู้บำเพ็ญเพียรตามเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนกลายมาเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนทั่วไป จนผู้คนต่างพากันเรียก หลวงปู่สรวง ว่า เทวดาเดินดิน ซึ่งภายหลังจากที่หลวงปู่ละสังขารเมื่อปีพ.ศ. 2542 ไปแล้วนั้นสรีระสังขารของหลวงปู่ก็ไม่เน่าเปื่อย โดยลูกศิษย์ก็ได้นำไปบรรจุไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาและนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร นอกจากนี้ยังมีการลอดใต้โลงแก้วเพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นเดินทางไป ถ่ายภาพกับจุด Check In ผาพญากูปรี จุดชมทัศนียภาพต้นกำเนิดห้วยสำราญ ที่กั้นระหว่างจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ ด้านหน้าจุดชมวิวมีรูปปั้นกูปรีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่เคยมีผู้พบเห็นในป่าบริเวณนี้ พร้อมกับสวนหินโบราณอายุนับร้อยล้านปีที่จัดเอาไว้อย่างสวยงาม

รับประทานอาหารกลางวันร้าน "หาดสุขสำราญ"

หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้า "สวนวสันต์" สวนทุเรียนภูเขาไฟ อำเภอขุนหาญ ทุกท่านอิ่มอร่อยกับทุเรียนในสวน

เข้าที่พัก "โรงแรมลักษ์ลดา" เช้าวันรุ่งขึ้น 5.30น. ออกเดินทางไป "ผามออีแดง" ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะทางประมาณ 300 เมตร จุดชมวิวแสนงามใกล้เขาพระวิหาร พร้อมชม "ภาพแกะสลักนูนต่ำ" อายุกว่า 1,500 ปี บนผนังหินทราย อยู่ใต้หน้าผา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทิศแห่งความก้าวหน้า ในช่วงที่ตะวันขึ้นและตะวันตก แสงของพระอาทิตย์จะส่องสะท้อนที่ภาพให้ความสวยงามอย่างมาก รับประทานอาหาร ณ จุดชมวิว

จากนั้นออกเดินทางสู่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มายัง สวนทุเรียน "วัชระฟาร์ม" ทุกท่านอิ่มอร่อยกับทุเรียนในสวน

รับประทานอาหารกลางวันร้าน "ขายดี ภัตตาคาร" ภายใน อำเภอเมืองอุบลราชธานี

หลังรับประทานอาหาร แวะซื้อของฝากร้าน "หมูยอดาวทอง"ร้านของฝากร้านดังของจังหวัดอุบลราชธานี

จากนั้นออกเดินทางไป สถานีรถไฟอุบลราชธานี เดินทางกลับโดยขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวน 22 ตู้นั่งปรับอากาศชั้น 2 รับประทานอาหารค่ำบนรถไฟ เดินทางถึง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับ